shovespin เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ชม พัคโบยอง สวมบทบาทหลายคาแรคเตอร์ในเรื่องเดียวกัน เริ่มต้นจากการเป็นคู่แฝดหน้าเหมือน ตามบทคือเหมือนเด๊ะจนกระทั่งมีเพียงพ่อกับย่าเท่านั้นที่แยกได้ถูกต้อง แม่ยังไม่สามารถเลย

มีแร เป็นแฝดพี่ (ผมยาว เพื่อให้ผู้ชมแยกง่ายขึ้น) บุคลิกเรียบร้อย มีความอินโทรเวิร์ต หัวดีเรียนเก่ง ในวัยเด็กเธออ่อนแอเจ็บป่วยง่าย พ่อแม่เลยยกเอาชื่อ มีแร ที่แปลว่า ‘อนาคต‘ ให้เธอไป ทั้งๆที่เดิมจะใช้ตั้งให้ผู้น้อง shovespin

มีจี เป็นแฝดน้อง (ผมสั้น ช่วงแรกย้อมสีผมด้วย) ร่าเริง ทะทัดทะแมง พลังงานล้นเหลือ มีพรสวรรค์ด้านกีฬา และมีสกิลชีวิตใช้ได้อยู่ เธอได้ชื่อ มีจี ที่แปลว่า ‘ยังไม่รู้‘ โถ..ช่างทำได้นะ ตั้งชื่อแบบนี้ให้ลูก(คงให้รอดูรอกันไปก่อนใช่มะ555)

มีแร เลยโตขึ้นมาแบบเหมือนเป็น ‘อนาคต’ ของครอบครัว หลังพ่อเสียไป ย่าป่วยติดเตียง เธอได้ทำงานในบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ในกรุงโซล เป็นความภาคภูมิใจของแม่ และดูเป็นที่พึ่งพาได้ในแง่ที่มีเงินส่งเสียกลับบ้านเป็นค่าใช้จ่ายและค่าดูแลรักษาย่า

ในขณะที่ มีจี เติบโตมาด้วยโอกาสที่เธอสร้างเองเป็นนักกรีฑาวิ่งระยะสั้นในสมัยเรียนมัธยม แต่เกิดอุบัติเหตุทางใจทางกายขึ้นทำให้ข้อเท้าเธอบาดเจ็บจนต้องหันหลังให้การเข้าเรียนต่อด้านกีฬา อนาคตของเธอเลยวูบไปเหมือนชื่อที่ว่า ‘ไม่รู้’ จะไปไหนดี มีจีกลายเป็นลูกจ้างใช้แรงงานเลี้ยงตัว พลังบวกที่ทำได้สารพัดจ๊อบในหมู่บ้าน และพ่วงการดูแลย่าอย่างใกล้ชิดด้วย

ชีวิตทั้งคู่จึงเหมือนเดินไปคนละทาง ต่างกันไปสุดขั้ว และแล้ววันหนึ่งที่มีจีได้พบมีแรที่ทุกข์ทนลำพัง หมดไฟกับงานที่โซล วิธีที่พวกเธอเคยใช้ช่วยเหลือแก้ปัญหาจุดอ่อนให้กันอย่างสนุกสนานในวัยเด็ก ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง นั่นคือ การสลับตัวกัน แต่ครั้งนี้มันเป็นการเผชิญปัญหาชีวิตจริงที่ละเอียดอ่อนยากซับซ้อนกว่านั้นมาก

ทว่า มีจีในบทของมีแร ยังมีตัวช่วยคือ ซูโฮ ที่รับบทโดยพัคจินยอง เป็นเพื่อนหนุ่มที่สนิทกันสมัยเรียนมัธยม และเคยเป็นรักแรกของเธอ ที่เธอจบมันไปอย่างปวดใจลำพัง ตอนนี้ซูโฮเป็นทนายฝึกหัดอยู่ในสำนักงานกฎหมายชื่อดังในโซล ชีวิตความเป็นไปและความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เกื้อกูลกันในโซล จะให้อะไรๆเปลี่ยนความคิดไปจากเดิม และลุ้นสนุกๆว่าซูโฮจะจับได้ไหมว่านี่คือมีจี ไม่ใช่มีแร

ในขณะที่ มีแรในบทของมีจี ต้องมาอยู่ชนบท และเริ่มใช้ชีวิตในวิถีมีจีอย่างอึ้งๆไม่แพ้กัน และได้พบกับนายจ้างคนใหม่ ฮันเซจิน ที่รับบทโดย รยูคยองซู เจ้าของสวนสตรอเบอร์รี่ออร์แกนิคมือใหม่ ผู้มีโปรไฟล์อย่างเลิศแต่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรเล็กๆด้วยเหตุผลบางอย่าง เขามองลึกลงไปเห็นมีแรมีบางอย่างคล้ายคลึงกับตัวเขาเองอย่างน่าสนใจ ความสัมพันธ์ของคู่นี้จึงน่ารักน่าติดตามด้วยเช่นกัน

พัคโบยองจึงเหมือนต้องเล่นเป็น 4 คาแรคเตอร์ อย่างยากเลยค่ะ ใครรักเธอ คือต้องดูเลยแหละ แถมพ่วงด้วยพัคจินยองที่หล่อเสมอต้นเสมอปลาย รยูคยองซูก็มีเสน่ห์ไม่เบานะสำหรับเรื่องนี้ แต่สองหนุ่มอาจมีบทเป็นรองกว่าพัคโบยองสักหน่อย

หัวใจเนื้อหาที่เด่นไม่แพ้กัน ชวนนึกถึงสำนวน To put oneself in someone’s shoes มันชัดเลย ทั้งมีจีและมีแรต่างมีสิ่งที่สั่งสมเก็บกดดันไว้ภายในใจ ถ้าไม่เข้าไปเป็นเขา เราจะไม่มีวันรู้ นี่คือความเหมือนของทั้งคู่ ก็คือทุกข์และบาดแผลในใจของมนุษย์เรานี่แหละ

เรื่องราวจะถูกเล่าผ่านมุมมองของมีจีเป็นหลัก เดินเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ทยอยรู้สิ่งที่ไม่รู้พร้อมๆไปกับทั้งมีจีและมีแร บทถูกเกลี่ยสลับไปมาอย่างสนุกน่าติดตามและสมจริง ได้เห็นภาพชีวิตหนุ่มสาวที่ต้องดิ้นรนในสังคม และเห็นแววความเป็นงานน้ำดีที่ว่า ทั้งมีจีและมีแรจะค่อยๆเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตต่างมุม รับรู้ความจริงอีกด้านที่อาจมองข้ามไป หรือเข้าใจผิดไปก่อนหน้านี้ และได้โอกาสเติบโตทางความคิด เห็นคุณค่าตัวตนต่างไปจากเดิม กล้าก้าวไปเผชิญหน้าโลก ซึ่งจะทำให้ค้นพบความสุข ความผูกพันของแฝดผู้มีกันและกัน และความรักในปลายทางของกระบวนการเหล่านี้ด้วย

เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศสี่อีพีแรก : 3.628 % 5.049% 4.523% และ 5.897% ( shovespin )